Hiroshi Fujiwara เป็นชื่อที่คุ้นเคยกันเป็นอย่างดีในแวดวงวัฒนธรรมรองเท้าสนีกเกอร์ ถึงแม้เขาจะไม่ค่อยปรากฏตัวให้เห็นสักเท่าไหร่แถมยังมีบุคลิกที่เข้าถึงได้ยาก แต่เขาก็เป็นผู้บุกเบิกสตรีทแฟชั่นแนวฮาราจูกุ สไตล์การออกแบบแนว minimalism ของเขา ส่งให้เขาได้ก้าวขึ้นเป็นหนึ่งในผู้นำแห่งวงการสตรีทแฟชั่นสมัยใหม่ ถึงขนาดที่ได้รับการขนานนามว่าเป็น Godfather of the Street เลยทีเดียว ที่ผ่านมา Fujiwara ได้ร่วมงานกับแบรนด์ชั้นนำมากมาย ไม่ว่าจะเป็น Louis Vuitton, Nike, Rolex, TAG Heuer, the Pokemon Company และ Medicom Toy เป็นต้น ถึงแม้ว่าอิทธิพลของเขาแผ่ขยายกว้างไกลขนาดนี้ แต่คุณอาจแปลกใจที่จะได้รู้ว่า เขาก็มีพื้นเพมาจากการเป็นวัยรุ่นธรรมดาคนหนึ่งจากเมืองอิเสะ จังหวัดมิเอะ ในญี่ปุ่น
จุดเริ่มต้นที่แสนธรรมดา
ในวันเกิดวัย 18 ปี ของเขา Fujiwara เดินทางไปยังโตเกียว และที่นั่นเอง เขาก็เริ่มเข้าสู่สายอาชีพแฟชั่นในท้องถนนย่านฮาราจูกุ นอกจากนี้เขายังได้เดินทางท่องเที่ยวไปทั่วโลก ครั้งหนึ่งในการไปนิวยอร์คช่วงต้นทศวรรษ 80 เขาก็ได้ค้นพบดนตรีฮิปฮอปแนวอเมริกันและตกหลุมรักมันเข้าอย่างจัง ถึงขนาดที่เขากลายเป็นผู้ที่ต้องการนำเอาฮิปฮอปมาเผยแพร่ในญี่ปุ่น จนนับได้ว่าเขาเป็นหนึ่งในคนที่ช่วยทำให้มันเป็นที่นิยมในญี่ปุ่นขึ้นมาได้ จากจุดนี้เอง เขาเริ่มเข้าสู่การเป็นดีเจและโปรดิวเซอร์เพลง โดยที่มีความถนัดเป็นพิเศษในด้านรีมิกซ์และฟลิปช่วงต้นทศวรรษ 90 Fujiwara ก็เริ่มมีชื่อเสียง และก่อตั้งแบรนด์สตรีทแวร์ของตัวเองในชื่อ Good Enough เห็นได้ชัดตั้งแต่ต้นเลยว่า รสนิยมทางแฟชั่นของเขาออกไปในแนวที่แปลกและแตกต่าง กับสไตล์การออกแบบแนว minimal ของเขา และยังคงมีร่องรอยปรากฏให้เห็นได้อยู่ในงานคอลแลบของ Fragment ในปัจจุบัน นับได้ว่าเป็นการย้อนรอยสู่จุดเริ่มต้นจุดเล็ก ๆ ของทางแบรนด์ได้อย่างน่าสนใจ และเมื่อเข้าสู่ศตวรรษใหม่ งานดีไซน์ของ Fragment ก็มีคอนเซปต์ที่พัฒนาลงตัว จนเปิดตัวครั้งแรกได้ในปี 2003
ราชาแห่งงาน Collab
Fragment เชื่อมั่นและส่งเสริมในวัฒนธรรมการร่วมมือกันในด้านงานออกแบบเป็นอย่างมาก และยังได้ทลายกรอบเดิม ๆ ของการเลือกผู้ที่จะร่วมงานกับพวกเขาด้วย สิ่งที่พวกเขาทำมักสร้างกระแสให้แบรนด์อื่นทำตามในด้านการตลาด สัญลักษณ์รูปสายฟ้าของ Fragment ได้ไปปรากฏกับผลิตภัณฑ์หลากหลายชนิด ตั้งแต่รถยนต์หรูอย่าง Maserati, ของเล่น Medicom Toy และ Pokemon Company ไปจนถึงแบรนด์หรูระดับสูงอย่าง Rolex และ Louis Vuitton
Minimalism ที่สวมใส่ได้
ดูโพสต์นี้บน Instagram
เบื้องหลัง คำวิจารณ์ และอื่นๆ
Fujiwara แตกต่างจากบุคคลชั้นนำอื่นๆ ในวงการแฟชั่นตรงที่เขาไม่ชอบมีภาพลักษณ์ฉูดฉาดในทางสังคม เช่นเดียวกับภาพลักษณ์ของเขา เขาชอบที่จะเลือกใช้บล็อกสีและคู่โทนสีแบบง่ายๆ แทนที่จะเป็นสีสดใสฉูดฉาดเหมือนที่แบรนด์อย่าง Supreme มักใช้ ไม่น่าแปลกใจที่ Fragment มีข่าวรั่วไหลอยู่บ่อยๆ เพราะเมื่อผู้กำกับด้านการสร้างสรรค์เป็นชายลึกลับอย่างนี้ งานเบื้องหลังก็ย่อมน่าทึ่ง และข่าวรั่วไหลก็จะน่าตื่นเต้นมากขึ้นเท่านั้นตัวอย่างของความลึกลับกับฉากอันน่าตื่นเต้น เกิดขึ้นเมื่อตอนที่ Nike ขอให้ทั้ง Fujiwara และ Virgil Abloh ทำงานออกแบบ 10 คอลเลคชั่นในสไตล์ของตัวเอง ผลของการแข่งขันอย่างฉันท์มิตรนี้ก็คือ Virgil เป็นผู้ชนะจากผลงานแคปซูลในชื่อ “Ten Icons Reconstructed” แต่งานของ Fujiwara ในครั้งนี้ก็น่าจับตาเช่นกัน เพราะบางส่วนของผลงานนี้ได้นำมาวางขายจริงโดยใช้ส่วนบนเป็นสีขาวอย่างไรก็ตาม ยังมีความเห็นจากบางคนที่มีชื่อเสียงมายาวนานในแวดวงแฟชั่นระดับสูงว่า แท้จริงแล้ว Fragment อาจไม่ถือเป็นแบรนด์ที่มีตัวตนจริงได้เลยด้วยซ้ำ โดยพวกเขามองว่า ทั้งหมดที่ Fragment ทำก็เพียงแค่การนำเอาสัญลักษณ์ของตัวเองไปแปะอยู่บนการออกแบบสีในระดับธรรมดามาก ๆ และที่น่าแปลกใจก็คือ ในกลุ่มคนผู้สนใจรองเท้าสนีกเกอร์ก็มีคนที่คิดเช่นนี้อยู่ด้วย คนเหล่านี้กล่าวว่า รองเท้ารุ่น Fragment 1S เป็นเพียงรองเท้ารุ่นเดิม ๆ แต่มีราคาขายต่อสูงขึ้น 10 เท่าเพียงเพราะมีโลโก้สายฟ้ามาแปะอยู่
งานออกแบบของ Fragment ในปัจจุบัน
งานCollab 3 แบรนด์เคยเป็นสิ่งแปลกในแวดวงสนีกเกอร์สมัยก่อน แต่กำลังจะกลายเป็นเรื่องปกติในเร็ว ๆ นี้ ใน Jordan 1 รุ่นต่าง ๆ นี้ จะเห็นได้ว่าเป็นผลงานที่ยอดเยี่ยมของ La Flame (ชื่อนี้ใช้เรียก Travis Scoot ), Fujiwara และ Jordan Brand โดยเป็นการผสมผสานอย่างลงตัวของรูปลักษณ์วินเทจ สีฟ้าอันเป็นเอกลักษณ์ของ Fragment และรูปทรงคลาสสิคของ Jordan 1 รวมถึงโลโก้ swoosh แบบกลับด้านของ La Flame ซึ่งในตอนนี้ กระแสของ Jordan 1 High X Travis Scott X Fragments กำลังมาแรงอย่างมาก จนทำให้ราคาในตลาดพุ่งสูง และคาดกันว่าราคาจะเป็นเช่นนั้นต่อไปอีกระยะหนึ่งนอกจากนี้ ทางด้านรุ่น Low เองก็ถือเป็น Jordan 1 ที่ยอดนิยมเช่นกัน ด้วยการออกแบบแนววินเทจ ใช้สี off-white และสีครีมบริเวณขอบพื้น โลโก้ swoosh กลับด้าน แม้ว่าเราอาจกล่าวได้ว่าสิ่งที่ Fragment ทำในงาน Collab ชิ้นนี้ก็เพียงแค่นำเอาสีฟ้าอันเป็นเอกลักษณ์ของตัวเองไปใส่ไว้ที่พื้นและของด้านท้ายรองเท้า แต่นั่นไม่ใช่ทั้งหมดที่ Fragment ทำ เพราะตัวตนของแบรนด์ Fragment ตลอดที่ผ่านมาก็คือความยืดหยุ่นในการออกแบบ และความสามารถในการผสานภาพลักษณ์และเอกลักษณ์ของตัวเองเข้าไปอยู่กับสิ่งที่มีมาก่อนแล้ว ความสำเร็จของ Fragment จะยังคงเกิดขึ้นต่อไป ไม่ใช่เพียงเพราะกระแสนิยม แต่ยังเป็นเพราะความสร้างสรรค์ การเปิดกว้างในการร่วมงาน และประวัติอันยาวนานในฐานะแบรนด์สตรีทแวร์